“ซีพีเอ็น” ปักหมุดเซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 ดีเดย์ 28 ม.ค. 65 เติมเต็มแม็กเนตใหม่ 4 สถาปัตยกรรม ไทยโมเดิร์น อัดแน่นกว่า 300 แบรนด์เนมหรูเติมเต็มทั้งกลุ่ม sports & adventure และครอบครัว ดันทราฟฟิกโตเพิ่ม 20%
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจตั้งแต่ปี 2562
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bangkok Luxury Outlet มีมูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 36,000 ตร.ม. ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี สร้างปรากฏการณ์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้วงการรีเทล
และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศมาโดยตลอด ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดให้บริการโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 ในวันที่ 28 ม.ค. 65 นี้
เพื่อผลักดันจากลักเซอรี่แบรนด์เนมช็อปปิ้งเดสติเนชั่นสู่การเป็น Thailand’s Most Complete Luxury Outlet & Lifestyle Destinationที่ดีที่สุดในวงการเอาต์เลตไทย โดยต้องสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์
สำหรับเซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 จะตอบรับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของคนที่ลงลึกไปใน insightful interests มีแบรนด์ใหม่ ๆ หลากหลายเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกลุ่ม sport & adventure สำหรับแฟชั่นกีฬาที่เจาะลึกทั้งกอล์ฟ,
การวิ่งกลุ่มเครื่องสำอางและแฟชั่นอย่าง Pomelo, Beautrium กลุ่มครอบครัว ทั้งร้านของเล่นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น, ร้าน Pet N Me ครั้งแรกของเอาต์เลต ซึ่งเป็น category ใหม่สำหรับเอาต์เลตในเมืองไทย, B2S เอาต์เลตครั้งแรก
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเจาะกลุ่ม top spenders และ quality traffic ทั้งใน-นอก catchment กระตุ้นยอดใช้จ่ายด้วยแคมเปญการตลาดต่อเนื่องผ่าน luxury outlet chat & shop และ intensive omnichannel ทั่วประเทศ
การันตีด้วยยอดขายช่วงสิ้นปีที่เติบโตขึ้นกว่า 13% (YOY) นอกจากนี้ ยังสร้างสีสันด้วย signature events ทุกเทศกาล และมอบโปรโมชั่นส่วนลดคุ้มค่าตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยให้คู่ค้าสามารถทำธุรกิจและเติบโตไปกับเราได้อย่างต่อเนื่อง
โดยไฮไลต์ในเฟส 2 นี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมสไตล์ไทยโมเดิร์น ซึ่งได้ขยายอีก 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านช่างทอ, หมู่บ้านช่างก่อ, หมู่บ้านช่างลายคราม และหมู่บ้านช่างเงินช่างทอง เพิ่มพื้นที่การช็อปได้กว้างขึ้น มาพร้อมกับการจัดโปรโมชั่นแบรนด์เนมตลอดปี ลดสูงสุด 90%
โดยมีแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 แบรนด์ และในเฟส 2 กำลังเปิดบริการแบรนด์ใหม่ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ sports & adventure เจาะกลุ่มบรรดานักกอล์ฟ นักวิ่ง หรือผู้เล่นเอ็กซ์ตรีมสปอร์ต กลุ่ม fashion & beauty อย่าง Pomelo, Beautrium กลุ่ม family ทั้งร้านของเล่นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น,
ครั้งแรกของเอาต์เลตร้าน Pet N Me แคทิกอรี่ใหม่สำหรับเอาต์เลตในเมืองไทย, B2S เอาต์เลตครั้งแรก และยังรวบรวมร้านอาหารคาเฟ่ดัง ๆ เข้ามาเพื่อเป็น food destination ที่ดีที่สุดของย่านดังกล่าว และมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช็อปปิ้งผ่านแลนด์มาร์กสุดปัง
อาทิ ลานน้ำพุขนาดใหญ่ chill vibes สัมผัสบรรยากาศเอาต์ดอร์ใกล้ธรรมชาติ และการสร้าง festive vibes เทศกาลหมุนเวียนตลอดทั้งปี โดยตรุษจีนนี้จะมีคอนเซ็ปต์สวน Power of the Great Tiger ด้วยตัวอักษรจีนมงคลขนาดยักษ์
พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าสร้างคอมมิวนิตี้ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ (The emerging lifestyle communities) ที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกกลุ่ม แบรนด์หลากหลายเพื่อเจาะ unique interest ของลูกค้าแบบลงลึก
ทั้งกลุ่ม family และ mom & kids-ร้านอาหารดีที่สุดในย่าน เพิ่มแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น, กลุ่ม wealth-เจาะกลุ่ม high spender จัดกิจกรรม supercar meeting ทุกสัปดาห์ และกลุ่ม sports lifestyle-ทำให้โครงการกลายเป็น sport destination
มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา เล่น skateboard ด้วยการเติมเต็มด้วยแบรนด์ใหม่ ๆ อาทิ Rev-Runner ร้านรองเท้าวิ่ง และอุปกรณ์วิ่งโดยเฉพาะ, Columbia อุปกรณ์แคมปิ้ง, จักรยาน, กอล์ฟ, วิ่ง และลาน skate park และ gokarts
“หลังเปิดให้บริการเฟส 2 คาดว่าจะดันทราฟฟิกภาพรวมขึ้น 20% โดยเราได้อาศัยความเชี่ยวชาญของการเป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้า 36 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ดันยอดขายร้านค้าแบบ omnichannel อย่างต่อเนื่องตลอดปี
พร้อมผนึกกำลังกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯระดับโลกที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาเอาต์เลตชื่อดังของเอเชีย ร่วมกันสร้างไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นที่ครบและสมบูรณ์แบบที่สุด”