มูลนิธิเมาไม่ขับ แนะ ร้านอาหารเปิดเชียร์บอลร่วมรับผิดชอบสังคม นักดื่ม “เมาไม่กลับ” เป่าแอลกอฮอล์ก่อนออกจากร้าน
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงอุบัติเหตุเมาแล้วขับในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกปี 2022 ว่า สำหรับอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับในช่วงฟุตบอลโลกยังไม่มีตัวเลขที่ออกมาชัดๆ แต่จากสถานการณ์ในช่วงนี้ พบว่ามีอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับเพิ่มขึ้นชัดเจน เนื่องจากโควิด-19 ดีขึ้น และสถานประกอบการก็กลับมาเปิดมากขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าช่วงฟุตบอลโลกก็จะมีอุบัติเหตุทางท้องถนนมากขึ้น เพราะหลายคนเลือกที่จะไปดูบอลกับเพื่อนมากกว่าดูอยู่คนเดียวที่บ้าน ส่วนร้านอาหาร สถานประกอบการก็มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายโดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้เราห้ามกันไม่ได้เพราะธุรกิจก็กำลังฟื้นจากโควิด ตรงก็จะทำให้มีการดื่ม สังสรรค์เกิดขึ้น
“ปัญหาคือเมื่อเชียร์บอล เมาแล้วขับก็เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ร้านอาหารควรจะร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม พบกันคนละครึ่งทางด้วยการ 1.จัดอุปกรณ์วัดระดับแอลกอฮอล์ เป่าไม่ให้เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าเมาไม่ให้กลับบ้าน 2.จัดที่พักให้ลูกค้า จนกว่าจะสร่างเมาแล้วค่อยให้กลับบ้าน 3.จัดเตรียมโรงแรมใกล้ๆ ร้านไว้ให้ลูกค้าที่เมา หรือ 4.จัดบริการเรียกรถแท็กซี่ให้” นพ.แท้จริงกล่าว
นพ.แท้จริงกล่าวว่า สำหรับลูกค้าที่จะไปร้านอาหารเอง ก็จะต้องตระหนักเสมอว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพียง 1-2 แก้วตลอดการชมฟุตบอล 90 นาที เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก หากจะเปรียบเทียบระดับแอลกอฮอล์ 50 มก. คือ การดื่มเบียร์ 2 กระป๋องในเวลา 1 ชั่วโมง ดังนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกินเท่านี้ เมื่ออยู่กับเพื่อนๆ มีสีสัน เราก็มักจะดื่มมากขึ้น ฉะนั้น หากเป็นไปได้ ก็ไม่ควรเอารถส่วนตัวไป ควรต้องไปด้วยรถสาธารณะ ไปแท็กซี่กลับแท็กซี่จะดีที่สุด
“กระแสบอลโลกมาแรง เราห้ามไม่ได้ แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม เราไปเมาสนุก แต่คนที่ไม่ได้เมามัน สนุกกับเราต้องมารับเคราะห์ เช่น คนที่ต้องไปทำงานตอนเช้า คนบนท้องถนน จริงๆ เราควรออกกฎหมายเหมือนต่างประเทศที่ทำกัน หากพบว่ามีคนเมาแล้วขับ เกิดอุบัติเหตุ ร้านที่ขายให้ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ในฐานะที่ปล่อยให้คนเมาออกไปทำร้ายคนอื่น บอลโลก 4 ปีมีครั้ง อย่าให้การเชียร์บอลกลายเป็นฆาตกรแบบไม่ได้คาดคิด อย่าคิดว่ากินแค่นี้ เราขับรถได้” นพ.แท้จริงกล่าว