ซิวหนุ่มอ้างเป็นตำรวจกองปราบ ตุ๋นระดมทุนโปรโมชั่นเงินบุญ ลงทุนน้อยได้มาก เหยื่อติดกับหลงเชื่อเพียบ สูญเงินรวมกว่า 22 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 กันยายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา สว.กก.3 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสังคม ไวไธสง อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.1439/2564 ลงวันที่ 1 กันยายน 2564 ข้อหา “ฉ้อโกง, ฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และไม่มีสิทธิใช้ยศของเจ้าพนักงาน กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ” พร้อมของกลาง หมวกแก๊ปติดตราหน่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยงานต่างๆ 4 ใบ อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยี่ห้อ S&W 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 44 นัด มีดพก 2 เล่มโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม หนังสือเดินทาง 1 เล่ม หนังสือเดินทางประจำเรือ 1 เล่ม เอกสารบัญชีธนาคาร 1 ชุด และบัตรประจำตัวที่ใช้ในการแอบอ้าง จำนวน 1 ใบ หลังจับกุมตัวได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลย่าน ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองจ.นครราชสีมา
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายสังคมมีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปราม ยศ ร.ต.อ. เป็นลูกน้องคนสนิทของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บัญชาการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาชื่อว่า “รวมพลังสามัคคี” เพื่อหลอกลวงชักชวนประชาชนให้นำเงินมาร่วมระดมทุนในโครงการโปรโมชั่นเงินบุญ มีแผนการลงทุนในรูปแบบต่างๆ มากมายกว่า 272 โปรโมชั่น อาทิ โปรโมชั่นช่วยงานผู้ใหญ่ โปรโมชั่นตอบแทนผู้ใหญ่ โปรโมชั่นล่องเรือสำราญ โปรโมชั่นเซ็นสัญญาฝั่งลาว โปรโมชั่นช่วยบอสจ่ายธุรกรรมหน้าเคาเตอร์ธนาคาร ซึ่งแต่ละโปรโมชั่นจะได้รับเงินค่าตอบแทนกลับมาเป็นมูลค่าสูง เช่นลงทุนเพียงแค่ 1 หมื่นบาท จะได้รับค่าตอบแทนกลับมาถึง 500 ล้านบาท รวมถึงพูดจาหว่านล้อมให้สมาชิกในกลุ่มเชิญชวนญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มอีกด้วย จนทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 22 ล้านบาท ซึ่งกว่าที่ผู้เสียหายจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สายไปเสียแล้ว
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ภายหลังทราบเรื่องจึงสั่งการให้ กก.3 บก.ป. ลงพื้นที่สืบหาเบาะแส รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นภัยต่อสังคม จำเป็นต้องเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว กระทั่งต่อมาทราบว่า นายสังคม ปัจจุบันได้หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จึงนำกำลังติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายสังคมให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 เคยถูกจับกุมมาแล้ว 1 ครั้ง ในคดีลักษณะเดียวกัน ก่อนศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา จึงกลับมาก่อเหตุในลักษณะเช่นเดิมเรื่อยมา กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว ส่วนเสื้อคลุม หมวก ชุดแต่งกายต่างๆ ที่เหมือนกับตำรวจนอกเครื่องแบบได้หาซื้อตามร้านขายเสื้อทั่วไป เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่