คุณอยู่ที่: หน้าหลัก › ข่าวไอที › ความสำเร็จของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กับการปูพรม 5G ยกระดับพัฒนาสตาร์ทอัพไทยสู่ Deep Tech
by ไอที 24 ชั่วโมง หมวดหมู่: tech aec, thaisoftware, ข่าวไอที
- แชร์
- ทวีต
- ส่งไลน์
หากว่ากันตามข้อเท็จจริง ประเทศไทยน่าจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สามารถติดตั้งเทคโนโลยี 5G และกระจายการใช้งานจริงไปสู่ประชาชนในประเทศได้อย่างรวดเร็วเป็นลำดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่เริ่มเปิดการประมูลเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ที่ผ่านมา จวบจนถึงปัจจุบันที่เรามีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อความเร็วสูงนี้ให้ใช้งานกันได้ผ่านสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ IoT ต่างๆ
แต่ประโยชน์ที่มากกว่าการใช้งานในฝั่งของ Users และ Consumers เพื่อเสพคอนเทนต์ความบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สตรีมมิงแพลตฟอรม์ คอนเทนต์ VR และ AR หรือการเชื่อมต่อสื่อสารที่รวดเร็ว ไม่มีสะดุด ก็คือ “การยกระดับประสิทธิภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรม” ไล่ตั้งแต่ภาคการผลิต โทรคมนาคม ภาคการเกษตร ไปจนถึงภาคบริการ ที่ช่วยเข้ามาทรานฟอร์มและลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากโควิดให้ทุเลาตัวลงได้ทันท่วงที
ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยี 5G ยังได้นำไปสู่การพัฒนาที่มีนัยยะสำคัญต่อวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพประเทศไทย เพราะได้ช่วยให้ขั้นตอนความวุ่นวายต่างๆ ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพในเชิงการดำเนินการ และทำให้ความโปรดักต์ทีฟของขั้นตอนการพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก
โดยที่ในมุมหนึ่ง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ยังได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในการร่วมผลักดัน สนับสนุนคอมมิวนิตี้ของสตาร์ทอัพในประเทศไทยให้สามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของ 5G ได้อย่างมั่นคง สมบูรณ์แบบ และยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกเพื่อช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก หรือที่ใครหลายคนคุ้นเคยในชื่อ ‘Deep Tech’
แล้ว NIA ได้ทำอะไรบ้างในการปูพรมช่วยให้สตาร์ทอัพไทยสามารถเร่งเครื่องของพวกเขาในการก้าวไปคว้าโอกาสแห่งอนาคต ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G, IoT, Cloud หรือ Big Data เพื่อพัฒนา Deep Tech ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่ได้ร่วมงานกับ Huawei บริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีผู้บุกเบิกเทคโนโลยี 5G จากประเทศจีนเป็นรายแรกๆ ของโลกมาตั้งแต่ปี 2562 ผ่านการร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพของกำลังคน เพื่อสังคมนวัตกรรมที่ยั่งยืน โดยได้พัฒนาระบบนิเวศทางด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และภาคเอกชน
ใน MoU ฉบับดังกล่าว ยังได้นำไปสู่ความร่วมมือระหว่าง NIA และ Huawei เพื่อจัดอบรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพเทคโนโลยีเชิงลึกด้าน 5G หรือ “โครงการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นเทคโนโลยีเชิงลึกด้าน 5G” อีกด้วย โดยที่ปัจจุบัน (ปี 2564) โครงการ Deep Tech Startup Development Platform ได้เปิดศักราชเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว และได้มีส่วนร่วมในการกรูมสตาร์ทอัพไทยจำนวนมากที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกได้สำเร็จ
ภายใต้โครงการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพด้าน 5G เหล่าสตาร์ทอัพไทยหรือผู้ประกอบการนวัตกรรมที่มีศักยภาพและผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมโครงการใน 3 เฟส ประกอบไปด้วย
- ระยะเริ่มต้นด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech)
- กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบด้านเทคโนโลยีเชิงลึกด้าน 5G (Pre-incubator)
- กระบวนการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น (Incubation program)
สำหรับในปี 2564 นี้ NIA และ Huawei Thailand ได้เริ่มต้นโครงการ Deep Tech Startup Development Platform ด้วยการเปิดอบรมออนไลน์ภายใต้โปรแกรม DEEP TECH STARTUP IN 5G DEVELOPMENT ซึ่งทาง HUAWEI Academy ได้เปิดการเรียนรู้เรื่อง 5G, Cloud และ IoT ในตลอดเดือนมิถุนายน เพื่อให้สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการนวัตกรรมในระยะเริ่มต้นด้าน Deep Tech กว่า 32 บริษัท ได้เข้าร่วมการอบรม เพื่อเสริมแกร่งความรู้ในด้านที่จะเป็นประโยชน์กับการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก
ตาามาด้วยการเข้าสู่กิจกรรมการ “Mentoring” ในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เพื่อบ่มเพาะพัฒนาแผนงานธุรกิจที่นำเทคโนโลยี 5G มาปรับใช้ โดยมีถึง 14 แผนงานธุรกิจที่จากผู้ประกอบการด้าน Deep Tech ที่ได้เข้ารับการบ่มเพาะ
ก่อนที่ในขั้นตอนกิจกรรมสุดท้าย เมื่อวันที่ 2 กันยายน ทางโครงการจะได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านเทคโนโลยีเชิงลึกด้าน 5G ที่ดีเยี่ยมให้เหลือเพียง 4 ราย และเปิดเวทีให้พวกเขาเหล่านี้ได้นำเสนอแผนงานธุรกิจต่อนักลงทุนและผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยแผนพัฒนาของสตาร์ทอัพไทยที่เข้าสู่โครงการในรอบสุดท้ายประกอบไปด้วย
- Nega Trac: Smart Negative Pressure Room System โดย บริษัท เอ็นอาร์จีแทรค จำกัด – ชุดระบบสร้างห้องแรงดันลบ และควบคุมด้วยเทคโนโลยี IoT สำหรับการทำ home isolation ด้วยมาตรฐานเดียวกับห้องแรงดันลบในโรงพยาบาล เพื่อสุขภาพของผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นในบ้าน เพื่อนบ้าน และยังช่วยแพทย์ในการออนไลน์ติดตามอาการผู้ป่วยหลายรายได้ในเวลาเดียวกัน
- Virtual PG โดยบริษัท โปร-ทอยส์ จำกัด – แพลทฟอร์มพนักงานส่งเสริมการขายเสมือนจริงที่ทำงานผ่านจอ Interactive 5G Network โดยพนักงานหนึ่งคนสามารถทำงานได้ 5 – 7 สาขา ช่วยให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลพนักงานหรือพนักงานกล่าวทักทายลูกค้าได้ ก่อนที่จะส่งข้อมูลหรือโปรโมชั่นไปยังลูกค้า เพิ่มการสร้างโอกาสในการขายและสร้างประสบการณ์แบบไร้ข้อจำกัด
- Music Gamification Platform โดยบริษัท บีเอ็นเค มิวสิคมอล จำกัด – แพลทฟอร์มสำหรับการเรียนการสอนดนตรี ช่วยให้ครูสอนดนตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนสนุกกับการเรียนดนตรี และผู้ปกครองสามารถติดตามพัฒนาการของเด็กๆ ได้ชัดเจนขึ้น
- Paw+ โดยบริษัท เพ็ท พอว์ จำกัด – ระบบ Telemedicine สำหรับโรงพยาบาลสัตว์ ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าถึงบริการการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว และช่วยลดระยะเวลาการทำงาน และลดความเสี่ยงในการสัมผัสโดยตรง ให้กับบุคลากรการแพทย์
ทั้งหมดนี้ถือเป็นผลลัพธ์ความพยายามและความตั้งใจของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติที่มุ่งหวังจะช่วยสนับสนุนส่งเสริมวงการสตาร์ทอัพไทยให้สามารถปรับตัว เร่งสปีดการเสริมสร้างศักยภาพในด้านการแข่งขัน การทำธุรกิจ และการพัฒนานวัตกรรมได้อย่างมั่นคงและก้าวหน้า โดยเฉพาะการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีเชิงลึกหรือ Deep Tech ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจแห่งอนาคตเพื่อเพิ่มแต้มต่อในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร และประเทศอีกด้วย
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
ความสำเร็จของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กับการปูพรม 5G ยกระดับพัฒนาสตาร์ทอัพไทยสู่ Deep Tech
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs